เที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ดียังไง มีอะไรน่าเที่ยว!!

1. อากาศในฤดูใบไม้ร่วงญี่ปุ่น

ที่มา: -

ฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นถือเป็นช่วงที่อากาศ เย็นสบาย เดินเที่ยวได้เพลิน ในฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น อากาศจะเริ่มเย็นลงอย่างชัดเจนหลังจากผ่านหน้าร้อนที่ร้อนชื้น โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงปลายกันยายนไปจนถึงพฤศจิกายน บรรยากาศจะเย็นสบายและสดชื่น อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 15–25 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยวมาก เพราะไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนหน้าร้อน และก็ยังไม่หนาวจัดแบบฤดูหนาว

ในบางวันอาจมีลมแรง โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น ทำให้อากาศรู้สึกเย็นขึ้นกว่าที่ตัวเลขอุณหภูมิแสดงไว้ การแต่งกายจึงควรเผื่อเสื้อผ้าที่สามารถปรับเพิ่ม-ลดตามอากาศได้ เช่น เสื้อแขนยาว คาร์ดิแกน หรือแจ็กเก็ตบางๆ ส่วนในพื้นที่ภูเขาหรือบริเวณนอกเมือง อากาศจะเย็นกว่าพื้นที่ในเมืองเล็กน้อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน

สิ่งที่ทำให้ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นพิเศษยิ่งขึ้น นอกจากอากาศจะเย็นสบาย ยังมีแสงแดดอ่อนๆ และฟ้าสีฟ้าสดใส ทำให้บรรยากาศในแต่ละวันเหมาะกับการออกไปเดินเล่น ชมธรรมชาติ หรือเที่ยวสวนสาธารณะต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ เป็นฤดูที่ทั้งร่างกายและหัวใจรู้สึกอบอุ่นแม้ในอากาศที่เย็นลงทีละน้อย

2. เสื้อผ้าที่ควรเตรียมไป

ที่มา: -

✅ เสื้อผ้าที่แนะนำ เสื้อผ้าควรเน้นแบบ “กันลม อุ่นพอดี และใส่สบายเวลาเดินเที่ยว” เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ต้องเดินค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะถ้าไปตามสวนสาธารณะ วัด หรือหมู่บ้านกลางหุบเขา

เสื้อแขนยาวแบบบาง หรือเสื้อคอเต่า เป็นชิ้นพื้นฐานที่ควรมี ตอนไปเดินเล่นช่วงสายถึงบ่ายอาจรู้สึกอุ่นสบาย แต่พอตกเย็นอากาศจะเริ่มเย็นลง ถ้ามีคาร์ดิแกนหรือแจ็กเก็ตแบบเบาๆ สักตัวจะช่วยเพิ่มความอุ่นและดูดีได้ในเวลาเดียวกัน ยิ่งถ้าเดินเล่นใกล้ทะเลสาบหรือพื้นที่ภูเขา อุณหภูมิอาจต่ำกว่าในเมืองอีกหน่อย การมีเสื้อคลุมหนาขึ้นอีกนิด หรือโค้ทเบาๆ ก็จะช่วยได้เยอะ

ผู้หญิงหลายคนชอบใส่กระโปรงยาวหรือเดรสแขนยาว ช่วงนี้ เพราะมันเข้ากับบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงมาก จะใส่คู่กับถุงน่องหนา หรือเลกกิ้งก็ช่วยให้เดินสบายและอุ่นกำลังดี ส่วนรองเท้าให้เลือกแบบหุ้มส้น หรือรองเท้าบู๊ท ที่ใส่สบายและเดินได้นาน เพราะเราจะใช้เวลาเดินตามจุดชมวิวค่อนข้างเยอะ

ผ้าพันคอก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่มีทั้งประโยชน์และความสวยงาม นอกจากช่วยกันลม ยังเป็นเครื่องประดับที่เพิ่มความชิคให้ลุคได้อย่างดี ยิ่งถ้าเลือกสีโทนอุ่นอย่างน้ำตาล ครีม หรือแดงอิฐ จะยิ่งเข้ากับสีใบไม้ร่วงที่เปลี่ยนไปทั่วทั้งเมือง

ในบางวันอาจมีลมแรงหรือฝนปรอยๆ แนะนำให้พกร่มพับหรือเสื้อกันฝนติดไว้เล็กน้อย กันไม่ให้เสียเที่ยวเพราะอากาศเปลี่ยนกะทันหัน

โดยรวมแล้ว เสื้อผ้าสำหรับฤดูนี้จะไม่ต้องหนาเท่าฤดูหนาว แต่ก็ควรเลือกแบบที่ “ใส่ซ้อนกันได้” เพราะสามารถปรับให้เข้ากับอากาศในแต่ละวันได้ง่าย และที่สำคัญคือ สวยแบบพอดีๆ เหมาะกับการถ่ายรูปท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยเหมือนโปสต์การ์ดทุกมุมค่ะ 🍂✨

เคล็ดลับ “แต่งแบบเลเยอร์” คือใส่หลายชั้นจะช่วยให้ปรับตามสภาพอากาศระหว่างวันได้ง่าย เช่น ตอนเช้าหนาว ใส่ครบ แต่พอสายแดดออกก็ถอดคาร์ดิแกนหรือเสื้อคลุมได้

3. อาหารประจำฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่น

ที่มา: -

ในฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น ยังเป็นช่วงเวลาที่วัตถุดิบในท้องถิ่นกำลังอร่อยที่สุด จนคนญี่ปุ่นเรียกช่วงนี้ว่า “ฤดูแห่งการกิน” หรือ 食欲の秋 (โชกุโยกุโนะอะคิ) เพราะมีผลผลิตจากธรรมชาติที่หลากหลาย สดใหม่ และหอมหวานที่สุดของปี ทั้งจากภูเขา ป่าไม้ และทะเล

หนึ่งในวัตถุดิบที่โดดเด่นที่สุดของฤดูกาลนี้คือ เห็ดมัตสึตาเกะ ซึ่งถือว่าเป็นราชาแห่งเห็ดในญี่ปุ่น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว หายาก และราคาสูง แต่คนญี่ปุ่นมองว่าเป็นของพิเศษที่ควรลิ้มลองในฤดูนี้สักครั้ง ไม่ว่าจะนำมาย่าง อบ หรือใส่ในข้าวหุงเห็ด ก็ให้กลิ่นหอมละมุนที่เป็นเอกลักษณ์

นอกจากนี้ ปลาซันมะ (Sanma) ก็เป็นอีกเมนูที่พบได้ทั่วไปในฤดูใบไม้ร่วง เป็นปลาทะเลที่มีไขมันดี รสชาติเข้มข้น นิยมย่างเกลือแบบเรียบง่ายเพื่อให้ได้รสชาติตามธรรมชาติที่สุด ทานคู่กับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ และหัวไชเท้าขูด จะยิ่งอร่อยกลมกล่อม

ของหวานตามฤดูกาลก็ไม่น้อยหน้า โดยเฉพาะ มันหวานเผา (Yaki Imo) ที่จะมีกลิ่นหอมโชยจากรถเข็นข้างทาง เป็นภาพคุ้นตาในฤดูใบไม้ร่วง รสชาติหวานธรรมชาติ เนื้อเนียนนุ่ม กินแล้วรู้สึกอบอุ่นทั้งร่างกายและหัวใจ

เกาลัดญี่ปุ่น (Kuri) ก็เป็นวัตถุดิบยอดนิยมในฤดูนี้ มักนำมาทำเป็นขนม โมจิ หรือใช้หุงเป็น ข้าวเกาลัด (Kurigohan) ซึ่งให้รสชาติหอมมันแบบเรียบง่ายในสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม

และแน่นอนว่า ฤดูใบไม้ร่วงยังเป็นฤดูของผลไม้รสชาติดีหลายชนิด เช่น องุ่นเคียวโฮ (ลูกใหญ่ หวานฉ่ำ), ลูกพลับ, และ แอปเปิ้ล ที่มีให้เลือกชิมหลากหลายสายพันธุ์ในแต่ละพื้นที่ ฤดูใบไม้ร่วงจึงไม่ใช่แค่ช่วงเวลาแห่งการชมวิว แต่ยังเป็นฤดูที่ “อร่อย” ที่สุดของปีอีกด้วย รับรองว่าต้องตกหลุมรักรสชาติของญี่ปุ่นในฤดูนี้อย่างแน่นอน

4. ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี

ที่มา: -

ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สวยงามและโรแมนติกที่สุดของปี ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวสดเป็นสีเหลือง ส้ม แดง ไล่ระดับกันไปตามภูมิภาค ตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ของประเทศ

การเปลี่ยนสีของใบไม้ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ แต่จะไล่ระดับจากเหนือไปใต้ โดยเริ่มต้นจาก ฮอกไกโด ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของญี่ปุ่น ใบไม้ที่นี่จะเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่ กลางถึงปลายเดือนกันยายน จากนั้นจะค่อยๆ เคลื่อนตัวลงสู่ภูมิภาคโทโฮคุ คันโต (โตเกียว), คันไซ (เกียวโต โอซาก้า), จนถึงคิวชูทางใต้ ในช่วง เดือนตุลาคมถึงปลายพฤศจิกายน

ในแต่ละพื้นที่ ระยะเวลาที่ใบไม้เปลี่ยนสีอาจสั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ และช่วงที่สวยที่สุด จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี เช่น ถ้าอุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่องในเวลากลางคืน ใบไม้ก็จะเปลี่ยนสีเร็วและชัดเจนมากยิ่งขึ้น

การวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจึงควรตรวจสอบพยากรณ์ล่วงหน้าสักนิด โดยเฉพาะถ้าตั้งใจไปชมในสถานที่ยอดนิยม เพื่อให้ได้ช่วงเวลาที่ตรงกับความงามที่สุดของฤดูนี้ ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีจึงไม่ใช่แค่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงธรรมดา แต่เป็น “เทศกาลของธรรมชาติ” ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเฝ้ารอ เพราะมันสะท้อนถึงเสน่ห์ของฤดูกาล ความเปลี่ยนแปลง และความสวยงามที่อยู่เพียงชั่วคราว

สถานที่: <p><strong>แนะนำ 5 สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น</strong></p>

5. อาราชิยามะ, เกียวโต

ที่มา: -

อาราชิยามะเป็นแหล่งธรรมชาติที่โด่งดังของเกียวโต โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่มีสะพานโทเก็ตสึเคียวที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำ พร้อมวิวป่าไม้เปลี่ยนสีที่งดงามและป่าไผ่ที่เป็นเอกลักษณ์ การเดินเล่นในย่านนี้จึงเหมือนได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมผสมผสานความงามของธรรมชาติ

6. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ ยามานาชิ

ที่มา: -

ทะเลสาบคาวากุจิโกะเป็นหนึ่งในจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยที่สุด โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่คุณจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิตัดกับฉากหลังของใบไม้สีแดง ส้ม และเหลืองสะพรั่งรอบทะเลสาบ บรรยากาศโรแมนติกเหมาะกับการถ่ายภาพสุดๆ

7. คามิโกจิ นากาโนะ

ที่มา: -

คามิโกจิเป็นหุบเขาธรรมชาติที่มีความสงบและบริสุทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่เต็มไปด้วยป่าไม้หลากสีสัน น้ำใสสะอาด และเส้นทางเดินเขาที่เหมาะกับการสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง

8. นิกโก้ , โทชิงิ

ที่มา: -

นิกโก้เป็นเมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้าสวยงาม ซึ่งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีฉากหลังเป็นสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่ปกคลุมทั่วบริเวณ เพิ่มความคลาสสิกและสง่างามให้กับสถานที่

9. สวนริคุงิเอน, โตเกียว

ที่มา: -

สวนริคุงิเอนเป็นสวนญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในโตเกียว โดยเฉพาะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนจะเต็มไปด้วยสีแดงทองของใบไม้ และในช่วงกลางคืนจะมีการจัดไฟไลท์อัพ ทำให้สวนดูสวยงามและโรแมนติกยิ่งขึ้น เป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ควรไปเยือนถ้าอยู่ในโตเกียว

เวลาเปิด: <p><strong>5 กิจกรรมแนะนำที่ต้องลอง</strong></p>

10. เดินชมสวนหรือวัดโบราณ

ที่มา: -

การเดินชมสวนและวัดในบรรยากาศแบบนี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย แต่ยังเป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่ผสานรวมกับความงามตามฤดูกาลอย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับใครที่ชอบถ่ายภาพ หรือแค่อยากพักใจจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันด้วยความสงบและความงดงามของธรรมชาติค่ะ

11. นั่งรถไฟชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี

ที่มา: -

การนั่งรถไฟชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีเป็นวิธีที่พิเศษและน่าประทับใจมากในการสัมผัสความงดงามของฤดูนี้ เพราะคุณจะได้นั่งสบายๆ ผ่านเส้นทางธรรมชาติที่เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาลโดยไม่ต้องเหนื่อยเดินเอง สายที่ได้รับความนิยมมากคือ รถไฟสายซะงะโนะ ในเกียวโต ที่จะพาคุณผ่านป่าไม้และแม่น้ำสายเล็กๆ ตลอดทาง วิวสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้หลากสีสันที่งดงามเหมือนภาพวาด รถไฟนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากชมใบไม้เปลี่ยนสีแบบสบายๆ พร้อมทั้งได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม

การนั่งรถไฟชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีจึงเป็นประสบการณ์ที่ให้ความสุขทั้งความสวยงามของธรรมชาติและความสะดวกสบายในการเดินทาง เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากเก็บภาพความทรงจำสวยๆ ของฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นอย่างเต็มอิ่มค่ะ

12. แช่ออนเซ็นกลางแจ้ง

ที่มา: -

การแช่ออนเซ็นกลางแจ้งในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความผ่อนคลายและความสุขอย่างแท้จริง คุณจะได้นั่งจิบชาร้อนๆ พร้อมแช่น้ำแร่ธรรมชาติที่มีอุณหภูมิอุ่นสบาย ท่ามกลางบรรยากาศใบไม้สีแดง ส้ม และทองที่ล้อมรอบตัว ความรู้สึกอบอุ่นของน้ำแร่ตัดกับความสดชื่นของอากาศเย็นด้านนอก ทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายสุดๆ

ที่ฮาโกเน่ อะริมะออนเซ็น หรือนิวโตะออนเซ็น ถือเป็นจุดแช่ออนเซ็นกลางแจ้งยอดนิยม ที่นักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นเองต่างหลงรัก เพราะนอกจากจะได้แช่น้ำแร่คุณภาพดีแล้ว ยังสามารถชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามรอบๆ ได้แบบเต็มตา บางแห่งมีบ่อแช่ที่ออกแบบให้เหมาะกับการชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

ประสบการณ์แบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ที่ไหน นอกจากในญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น มันคือช่วงเวลาที่รวมเอาความงามของธรรมชาติกับการดูแลตัวเองเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ฟินจนอยากแช่ซ้ำทุกปีเลยทีเดียวค่ะ

13. ปิคนิค + ถ่ายรูปในสวนสาธารณะ

ที่มา: -

การปิคนิคในสวนสาธารณะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเป็นกิจกรรมที่แสนเพลิดเพลินและเติมเต็มความสุขได้อย่างง่ายดาย อากาศเย็นสบายกำลังดี ทำให้การนั่งเล่นกลางแจ้งพร้อมกับข้าวกล่องเบนโตะที่เตรียมมาอย่างพิถีพิถันกลายเป็นช่วงเวลาพิเศษ

สวนสาธารณะที่มีต้นไม้เปลี่ยนสีสวยงามรอบตัวช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติกและสดชื่น เหมาะกับการนั่งพักผ่อน ชมใบไม้สีแดง ส้ม และทองไหวไปตามลม หรือจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพวิวธรรมชาติที่เหมือนภาพวาดก็ได้รูปสวยๆ กลับไปเป็นความทรงจำ

14. ลิ้มรสอาหารฤดูใบไม้ร่วง

ที่มา: -

ช่วงฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่น นอกจากจะได้ชมธรรมชาติสวยงามแล้ว ยังเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการลิ้มรสอาหารพิเศษประจำฤดูนี้ด้วย เมนูต่างๆ ที่ออกมาในช่วงนี้ล้วนมีวัตถุดิบสดใหม่จากธรรมชาติที่รสชาติอร่อยเข้มข้น และยังเข้ากับบรรยากาศเย็นสบายของฤดูใบไม้ร่วงอย่างลงตัว

เช่น เห็ดมัตสึตาเกะที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เมื่อนำมาย่างจะให้รสชาติละมุนและกลมกล่อม ปลาซันมะปลาย่างที่เนื้อมันและหวานธรรมชาติ กินคู่กับข้าวร้อนๆ คือสุดยอดความเรียบง่ายแต่รสชาติครบเครื่อง เกาลัดญี่ปุ่นก็เป็นของโปรดที่พบได้ทั่วไปในฤดูนี้ ไม่ว่าจะนำมาต้ม หรือนำไปทำเป็นขนม จะให้ความหวานและเนื้อเนียนนุ่มที่เติมเต็มความอบอุ่น ส่วนมันหวานเผา เป็นของกินเล่นยอดฮิตตามท้องถนน กลิ่นหอมหวานของมันหวานที่กำลังร้อนชวนให้รู้สึกอบอุ่นใจ การได้ลิ้มรสอาหารเหล่านี้ท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี ไม่เพียงแค่เติมเต็มร่างกาย แต่ยังสร้างความทรงจำที่ดีและประสบการณ์สุดพิเศษของฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นค่ะ

เป็นยังไงบ้างคะ กับการเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น? บอกเลยว่าช่วงเวลานี้เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่สวยงามและน่าประทับใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสีสันของธรรมชาติที่สดใส อากาศเย็นสบายที่ช่วยให้เดินเล่นได้อย่างสบายใจ หรือแม้กระทั่งอาหารและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ทำให้ทริปนี้ครบเครื่องและมีความหมาย

“เที่ยวญี่ปุ่นอุ่นใจ ไปกับสยามซานต้า บริษัทที่รวบรวมข้อมูลการเดินทาง และความสะดวกสบายครบคันมาให้คุณจบครบในที่เดียว และบริการสิทธิพิเศษอีกมากมาย”